เหตุจลาจลในเดลีตะวันออกเฉียงเหนือ (
อังกฤษ: North East Delhi Riots) หรือ
เหตุจลาจลในเดลี พ.ศ. 2563 (
อังกฤษ: 2020 Delhi Riots) เป็นกลุ่มคลื่นเหตุจลาจลนองเลือด ทำลายทรัพย์สิน และการจลาจลใน
เดลีตะวันออกเฉียงเหนือ เดลี ประเทศอินเดีย เริ่มต้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก่อเหตุนำโดยม็อบชาวฮินดูเข้าทำร้ายชาวมุสลิม
[12][13] ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 53 ราย สองในสามของจำนวนนี้เป็นชาวมุสลิม ที่เสียชีวิตทั้งจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกฟัน หรือแม้แต่ถูกจับเผาไฟ
[14][15][16] นอกจากนี้มีผู้เสียชีวิตประกอบด้วยนายตำรวจหนึ่งนาย เจ้าหน้าที่สืบราชการลับหนึ่งคน ชาวฮินดูกว่าสิบสองคน เหตุจลาจลนี้ถือเป็นเหตุจลาจลระหว่างชาวมุสลิมกับชาวฮินดูที่เลวร้ายและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950s
[15] มากกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังเหตุการณ์สงบลง ศพหลายร้อยศพที่เน่าเปื่อยถูกพบในที่น้ำทิ้งเปิด ปัญหาหลักเกิดจากการขาดแคลนเจ้าหน้าที่การแพทย์
[17] ในกลางเดือนมีนาคม ยังมีรายงานชาวมุสลิมอีกจำนวนมากที่ยังคงสูญหายจากเหตุการณ์นี้
[12]เป้าหมายหลักของความรุนแรงนี้คือชาวมุสลิม
[18][19][20] เพื่อเป็นการตรวจสอบศาสนา ชายที่มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับชาวมุสลิมและต่างจากชาวฮินดูมักถูกบังคับให้ถอดกางเกงออก เพื่อตรวจดูว่าได้ผ่านการ
ขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศ อันเป็นลักษณะร่วมหนึ่งของชายมุสลิม ก่อนที่จะถูกทำร้ายร่างกาย
[21][22][23] ในบรรดารายงานผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเนื่องด้วยความรุนแรงนี้ มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่
องคชาตถูกทำให้ฉีกขาด
[24][25] ร้านค้า ที่อยู่อาศัย และธุรกิจที่มีชาวมุสลิมเป็นเจ้าของถูกทุบทำลายอย่างรุนแรง ในจำนวนนี้ประกอบด้วย
มัสยิดสี่แห่งที่ถูกเผา
[26] ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ได้มีชาวมุสลิมจำนวนมากย้ายออกจากย่านเหล่านี้
[13] แม้แต่ในพื้นที่ของเดลีนอกบริเวณที่เกิดเหตุจลาจล มุสลิมบางส่วนได้ตัดสินใจหนีออกจากเดลีกลับไปยังหมู่บ้านเดิมหรือของบรรพบุรุษ ด้วยความหวั่นกลัวต่อความปลอดภัยส่วนบุคคลในเมืองหลวงของประเทศอินเดียแห่งนี้
[22]